บทความ


บทความต่างๆ

Green And Yellow Modern Gerdener Service Facebook Cover (1).png
Dr.Max Gerson, M.D.

Dr.Max Gerson, M.D.(ตอนที่ 1) เกิดปี ค.ศ. 1881 ที่ เมือง Wongrowitz ประเทศเยอรมนี เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Breslau, Wuerzburg, Berlin และ Freiburg ในปี ค.ศ 1909 เขาจบการศึกษาที่ Albert Ludwig University of Freiburg และเรียนต่อทางการแพทย์ในเมือง Breslau (ปัจจุบันคือ เมือง Wrocław ซึ่งเป็นเมือง เมืองหนึ่งที่อยู่ในประเทศโปแลนด์) เขาศึกษาแพทย์เฉพาะทางทางด้านอายุรศาสตร์ (Internal medicine) ในเมือง Bielefeld นายแพทย์ เกอร์สัน มีความทุกข์ทรมานจากอาการไมเกรนอย่างรุนแรง เขาจึงเริ่มการทดลองควบคุมอาหาร เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการปวดศีรษะของเขา ต่อมานายแพทย์ เกอร์สัน ได้ไปรักษา ผู้ป่วยวัณโรคผิวหนัง ที่มีอาการปวดไมเกรน เขานำอาหารไมเกรน มารักษาอาการปวดไมเกรน และค้นพบว่า ระหว่างการรักษา "อาหารไมเกรน" ได้ทำให้วัณโรคผิวหนังของผู้ป่วยดีขึ้น การค้นพบนี้ทำให้ นายแพทย์เกอร์สันศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหาร และเขาก็ประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยวัณโรคจำนวนมาก ผลงานของเขาได้รับความสนใจจากศัลยแพทย์ทรวงอกที่มีชื่อเสียง ที่มีนามว่า นายแพทย์ Ferdinand Sauerbruch แพทย์ทั้งสองได้ร่วมกันจัดตั้งโปรแกรมการรักษาวัณโรคผิวหนังแบบพิเศษที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิวนิก ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยอาหารเกอร์สัน ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ต่อมานายแพทย์ Sauerbruch และ นายแพทย์ เกอร์สัน ได้ตีพิมพ์บทความในวารสารทางการแพทย์มากมาย นอกจากนี้นายแพทย์ เกอร์สัน ได้นำสูตรอาหารนี้ไปใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ ไตวาย เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็ง ในปี ค.ศ. 1938 นายแพทย์ เกอร์สัน ย้ายไปที่นิวยอร์ก หลังสอบใบประกอบวิชาชีพที่นิวยอร์กผ่าน เขาได้ใช้แนวความคิดอาหารของเขามาใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเป็นหลัก ในปี ค.ศ.1946 นายแพทย์ เกอร์สัน ได้พยายามขอทุนงานวิจัยด้านการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งวารสารของเขา ผ่านการตรวจสอบและยอมรับเพียงไม่กี่ฉบับ เนื่องจากกรรมการบางท่านยังไม่เปิดรับกับแนวคิดของเขา แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ย่อท้อ และยังคงตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการรักษาและรวบรวมประวัติผู้ป่วยที่รักษาหายออกมาเรื่อย ๆ ในปี ค.ศ. 1958 นายแพทย์ เกอร์สัน ได้ตีพิมพ์ A Cancer Therapy: Results of 50 Cases ซึ่งเนื้อหาจะรวบรวมเกี่ยวกับ ประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยทางคลินิกเป็นเวลามากกว่า 30 ปี โดยเอกสารทางการแพทย์นี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎี แนวทางการรักษา และผลลัพธ์ที่ผู้ป่วยได้รับ นายแพทย์เกอร์สัน เสียชีวิตในปี ค.ศ.1959 เมื่อนายแพทย์เกอร์สัน เสียชีวิต ลูกสาวที่ชื่อ คุณ Charlotte Gerson ทำหน้าที่สืบทอด แนวทาง Gerson Therapy สืบต่อมา ปัจจุบัน สถาบัน Gerson ตั้งอยู่ที่ซานดิเอโก (San diego) ซึ่งเป็นเมือง เมืองหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเน้นดูแลผู้ป่วยมะเร็ง และโรคเรื้อรัง ในแนวทางการรักษา ของนายแพทย์ เกอร์สัน (Gerson Therapy) ปัจจุบันคุณ charlotte gerson เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยวัย 96 ปี ถึงแม้คุณ charlotte จะเสียชีวิตลง แต่แนวทาง Gerson Therapy ก็ยังคงอยู่ เพราะ มีแพทย์มากมายจากหลายประเทศทั่วโลก เข้ามาเรียนรู้วิธีการดูแลผู้ป่วยในแนวทางของ นายแพทย์ แม๊กซ์ บี เกอร์สัน #References [1] How it started, Dr.Max Gerson, M.D. and How it works https://gerson.org/how-it-works/ [2] Healing the Gerson way: Defeating cancer and other chronic diseases By: Charlotte Gerson, Beata Bishop [3] Nutritional Healing: A patient management handbook. Kathryn Alexander D. Th.D, Charlotte Gerson


Green Modern Food Recipe And Health Tips Facebook Cover (1).png
Who is There ?

Gerson therapy เหมาะกับใคร ? 1️. Gerson therapy สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในผู้ที่ยังไม่ป่วย #เพื่อการป้องกันโรค จุดประสงค์ ลดปัจจัยความเสี่ยงและตัวกระตุ้น, ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง 2️. Gerson therapy สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับการรักษาแผนหลัก ในผู้ที่เป็น #โรคที่เกิด จากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิต เช่น #ความดันโลหิตสูง #ไขมันในเลือดสูง เส้นเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอ้วนลงพุง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน #เนื้องอก เป็นต้น จุดประสงค์ เพื่อแก้ไขที่ต้นเหตุของการเกิดโรค , ลดการอักเสบในร่างกายและหลอดเลือด, เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (ลด oxidative stress) 3️. Gerson therapy #ผู้ป่วยมะเร็งทุกระยะที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถประยุกต์ใช้ #ร่วมกับการรักษาแผนหลัก จุดประสงค์ เพื่อแก้ไขที่ต้นเหตุของการเกิดโรค ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน #เพิ่มอัตราการหายและ #ลดปัจจัยการกลับมาเป็นใหม่ (recurrance case) *ซึ่งได้ผลดีมากในผู้ป่วยมะเร็งระยะต้น* ข้อห้าม/เคสกลุ่มที่ทำ gerson therapy แล้ว มักไม่ได้ผล 1)อยู่ในภาวะไตวาย /ผู้ป่วยที่ต้องล้างไต 2)มีประวัติผ่าตัดกระเพาะอาหารออกมากกว่า 75% 3)คนไข้ใส่สายให้อาหารทางจมูก 4)อยู่ในภาวะตับวาย 5)อยู่ในสภาวะที่เลือดออก 6)คนไข้อ่อนแอ, รับประทานเองทางปากได้น้อยมากหรือไม่ได้เลย 7)ผู้ป่วยนอนเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 8)ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ #มะเร็ง #preventivemedicine #fixtherootcauseofdisease